• พระครูวิมลภาวนาคุณ (หลวงพ่อคูณ สุเมโธ)
    1. พระครูวิมลภาวนาคุณ (หลวงพ่อคูณ สุเมโธ)

๏ ชาติกำเนิด และบุพกรรม 

หลวงพ่อคูณ สุเมโธ ท่านถือกำเนิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๖ ตรงกับวันแรม ๑๐ ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะแม ในสกุล “ชูรัตน์” เป็นบุตรของ พ่อบุญธรรม ชูรัตน์ และแม่จันทร์ ชูรัตน์ ณ บ้านหนองแสง ต.สิงห์ อ.เมือง จ.ยโสธร (หมู่บ้านเดียวกับวัดป่าหนองแสงของหลวงปู่สอ พันธุโล) ครอบครัวของท่านมีอาชีพทำไร่ทำนา เมื่อท่านอายุได้ขวบเศษๆ ญาติของท่านได้อุ้มไปเดินเล่นบริเวณทุ่งนา และได้ร้องเรียกลูกวัวเล่นๆ ว่า “แบ๊ แบ๊ แบ๊ แบ๊” เป็นเชิงล้อเล่นกับวัว ทันใดนั้นลูกวัวก็กระโจนพุ่งเข้ามาชนญาติซึ่งขณะนั้นกำลังอุ้มท่านอยู่ ลูกวัวได้ขวิดเด็กชายคูณบริเวณศีรษะเหวอะหวะจนเป็นแผลเป็นด้านข้างศีรษะด้านขวามาจนถึงปัจจุบัน 
หลวงพ่อคูณท่านเล่าว่า ท่านได้กำหนดสมาธิดูถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น จึงทราบว่าเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรมหรือบุพกรรม ครั้งอดีตชาติท่านเองเคยเกิดเป็นผู้ใหญ่บ้าน วันหนึ่งมีโจรมาขโมยวัว ท่านจับโจรคนนั้นได้ แต่โจรดื้อดึง พยายามจะหนี ท่านจึงเอาด้ามปืนทุบไปที่หัวของโจรจนหัวแตก ด้วยวิบากแห่งกรรม โจรนั้นได้มาเกิดเป็นลูกวัวในชาติปัจจุบัน ได้ผูกอาฆาตท่านไว้ ด้วยแรงพยาบาตเมื่อเห็นท่านด้วยสัญญาหมายรู้ แม้เป็นเด็กน้อยก็จำได้ จึงต้องมาชดใช้กันในชาตินี้

ท่านเองมีน้องชายอีกคนชื่อ อุดม ชูรัตน์ เมื่ออายุได้ ๖ ขวบ นางจันทร์ ชูรัตน์ มารดาของท่านก็ได้เสียชีวิตลง ฉะนั้น ชีวิตในวัยเด็ก ๒ พี่น้องได้ช่วยบิดาทำไร่ไถนา ท่านจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ซึ่งเป็นการศึกษาสูงสุดในขณะนั้น ณ โรงเรียนบ้านหนองแสง ครั้นเมื่อเติบใหญ่ท่านก็ลงไปปักษ์ใต้ รับจ้างขนหินขึ้นรถบรรทุกไปโรงโม่หิน ทำงานได้ ๓ ปีจึงเดินทางกลับมายังบ้านเกิด ญาติพี่น้องได้ขอร้องให้ท่านบวช

๏ การอุปสมบท 
เมื่ออายุได้ ๒๓ ปี ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถ วัดศรีธรรมาราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ยโสธร ตรงกับเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๐๙ โดยมี พระครูทัศนประกาศ (หลวงปู่คำบุ จันทสิริ) เจ้าอาวาสวัดป่าสำราญนิเวศ จ.อำนาจเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์, ท่านพระอาจารย์จำปี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ ท่านพระมหาวิสุทธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “สุเมโธ” แปลว่า ผู้มีปัญญาดี, ผู้มีความรู้ดี 
จากนั้นจึงไปศึกษาข้อวัตรปฏิบัติธรรมอยู่ ณ วัดป่าหนองแสง ต.สิงห์ อ.เมือง จ.ยโสธร ได้ ๖ เดือน ช่วงนั้นหลวงปู่สอ พันธุโล ได้แวะมาที่บ้านเกิด คือบ้านหนองแสง และได้ชักชวนให้พระอาจารย์คูณ ออกเที่ยววิเวกด้วยกัน ในครั้งนั้นมีพระติดตามด้วยกัน ๗ รูป ออกวิเวกพำนักอยู่วัดป่าอรัญญิกาวาส อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี มีหลวงปู่สอ พันธุโล เป็นผู้นำอบรมสั่งสอนการภาวนา และได้พาท่านไปฟังธรรมะภาคปฏิบัติกับ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อยู่ ๑ อาทิตย์ หลวงปู่ขาวท่านเน้นสอบอบรมด้านจิตใจ 

๏ หลวงพ่อคูณ สุเมโธ พระอริยสงฆ์ผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรม 

 หลวงพ่อคูณ สุเมโธ ท่านเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านและศิษยานุศิษย์ ความที่หลวงพ่อคูณเป็นผู้มีเมตตาสูงมาก อารมณ์ดี ใจเย็น เรียบง่าย ไม่ชอบพิธี ไม่สะสมปัจจัย มีมาใช้ไป แต่ใช้ในสิ่งเป็นประโยชน์ เช่น ช่วยเหลือวัด และโรงเรียนที่ขาดแคลน ท่านได้สร้างสาธารณะประโยชน์มากมาย ดำเนินตามรอยธรรมตามปฏิปทาของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน อีกทั้งท่านได้เห็นคุณประโยชน์ในการศึกษาได้ช่วยอุปถัมภ์โรงเรียนในเขตบ้านภูทอง และบ้านภูดิน และอุปการะให้ทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนกว่า ๒๐ คน คนไหนตั้งใจเรียน ท่านก็ส่งเสียให้เรียนเท่าที่เขาจะเรียนได้ ใครมาขออะไร หน่วยงานไหนเขาจำเป็นเดือดร้อนก็มาขอ ท่านก็เมตตาไม่ปฏิเสธ บางที่ไม่มีปัจจัยเลย เห็นเขาจำเป็นก็รับคำให้เลย ส่วนการก่อสร้างในวัดท่านก็บอกว่าชาวบ้านได้งานทำด้วย 

๏ พินัยวาจา...พินัยธรรม 

จาก “พระครูวิมลภาวนาคุณ (หลวงพ่อคูณ สุเมโธ)” 

ก่อนละสังขาร เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖ 

ได้รับทราบข้อมูลจาก พระอาจารย์สมเกียรติ (เต๋อ) ชิตมาโร เจ้าอาวาสวัดป่าถ้ำพระเทพนิมิต ต.ตาลเลียน อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ซึ่งเคยอยู่จำพรรษาและอุปัฏฐากหลวงพ่อคูณ สุเมโธ ณ วัดป่าภูทอง เป็นเวลาถึง ๒๐ พรรษา ระยะหลังไปจำพรรษาช่วยงานและอุปัฏฐากหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ วัดป่าบ้านนาคูณ ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เล่าว่า...ความที่หลวงพ่อคูณเป็นผู้มีเมตตาสูงมาก อารมณ์ดี ใจเย็น เรียบง่าย ไม่ชอบพิธี ไม่สะสมปัจจัย มีมาใช้ไป แต่ใช้ในสิ่งเป็นประโยนช์ เช่น ช่วยเหลือวัด โรงเรียน สาธารณประโยนช์ต่างๆ ใครมาขออะไร หน่วยงานไหนเขาจำเป็นเดือดร้อนก็มาขอ ท่านก็เมตตาไม่ปฏิเสธ บางที่ไม่มีปัจจัยเลย เห็นเขาจำเป็นก็รับคำให้เลย ส่วนการก่อสร้างในวัดท่านก็บอกว่าชาวบ้านได้งานทำด้วย แต่ว่าสิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้เหมือนหลวงพ่อคูณพูดให้เป็นพินัยกรรมเอาไว้ ท่านได้เตรียมการหรือมอบหมายไว้แล้ว แต่ลูกศิษย์ไม่ได้เฉลียวใจเพราะท่านสุขภาพก็แข็งแรงอยู่ เคยมีอาการเกี่ยวกับโรคหัวใจอยู่ครั้งหรือสองครั้งนี้แหละ อาตมาจำวันไม่ได้หรอก

เมื่อประมาณกลางพรรษาปี ๒๕๕๕ หลวงพ่อคูณได้สั่งไห้พระลูกศิษย์ถมที่หน้าวัดให้สูงสัก ๓ เมตร โดยให้เสร็จก่อนเข้าพรรษาปี ๒๕๕๖ (เป็นสถานที่ที่กำลังจะถมและทำเป็นเมรุชั่วคราวให้ทันงานถวายเพลิงองค์ท่าน ในวันอาทิตย์ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖ นี้) ด้วยความไม่ได้เอะใจว่าท่านจะด่วนจากลูกศิษย์ลูกหาไปเร็วขนาดนี้ และอีกอย่างด้วยเพราะต้องใช้ปัจจัยจำนวนมาก หลังออกพรรษาเมื่อปลายปี ๒๕๕๕ นี้เอง ในระหว่างนั่งรถแต๊กๆ (รถพ่วง หัวจักรรถไถเดินตาม) กับลูกศิษย์ แล้วท่านก็ปรารภขึ้นว่า “...อย่างนี้สมฐานะเรา เราชอบ หากเราตายอย่าเอาอะไรๆ ที่่มันยุ่งยากๆ มานะ...เอาอะไรก็ได้มาห่อร่างเราแล้วเอาไปเลย...”

อีกคำพูดท่านจะพูดอยู่เป็นประจำว่า “เรานี่ตายง่ายนะ...เราตายนี่ ไม่ต้องได้เข้าโรงพยาบาลเลยนะ...”

นอกจากนี้แล้ว ท่านยังเคยปรารภเป็นนัยยะเกี่ยวกับเรื่องการมรณภาพของท่านไว้ล่วงหน้าในหลายวาระด้วยกัน เช่น เมื่อต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๖ ในคราวที่พระครูวิทิตศาสนกิจ (หลวงพ่อไพโรจน์ วิโรจโน) สำนักสงฆ์ดอยปุย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้มรณภาพลง หลวงพ่อคูณท่านได้พูดให้พระและโยมกรุงเทพฯ ฟังว่า 

“เราก็จะไปเหมือนหลวงพ่อไพโรจน์นี่แหละ ไปสบาย ง่ายดี” 

“เวลาเราไปน่ะ เราจะไปในวัด ไปสบายๆ ไม่ให้ลำบากใครหรอก ไม่ให้ยุ่งใครหรอก” 

อีกทั้งท่านยังเคยปรารภไว้อีกด้วยว่า “อย่าเก็บไว้นาน อย่าสวดอะไรให้เราเลย เพราะเราพอแล้ว ถ้าจะจัดงานให้เราก็ให้ทำแบบเรียบง่าย ทำแบบงานหลวงพ่อสิงห์ทองได้ยิ่งดี ทำแบบกรรมฐานนั่นแหละ” 

และล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ นี้เอง หลวงพ่อคูณท่านได้ปรารภกับพระลูกศิษย์ที่กรุงเทพฯ และอยู่บนเครื่องบินด้วยว่า “เราไปที่วัดเหมือนมีโลงศพหรืองานศพ คนเต็มวัดเลย...”

วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖ หลวงพ่อคูณ สุเมโธ ก็ได้จากลูกศิษย์ไปจริงๆ

 เมตตาแม้วาระสุดท้าย 

หลวงพ่อคูณ สุเมโธ ท่านเมตตาพระลูกศิษย์ชาวมาเลเซีย ที่มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์อยู่ศึกษาข้อวัตรเป็นผ้าขาว และบวชอยู่ปฏิบัติธรรมกับท่านมาถึง ๕ พรรษาแล้ว พระลูกศิษย์ท่านนี้ขอโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด กลับไปเยี่ยมโยมบิดา-มารดาที่ประเทศมาเลเซีย จึงมากราบขออนุญาตหลวงพ่อคูณ เมื่อหลวงพ่อคูณท่านทราบ ท่านก็บอกว่าจะนำพากลับไปเยี่ยมบ้านเกิดด้วยองค์เอง เพราะครอบครัวของครูบาพระลูกศิษย์ชาวมาเลเซียท่านนี้มีศรัทธาที่ดี หลวงพ่อคูณท่านจึงตั้งใจจะไปโปรดด้วยตนเอง โดยได้ร่วมเดินทางกันไปประเทศมาเลเซีย ปกติถ้าเดินทางไปต่างประเทศ หลวงพ่อคูณท่านจะให้ หลวงพ่อสนอง ชินวังโส แห่งวัดป่าดอนบ้านเทือน ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี หรือพระอาจารย์ภานุพงค์ ปัญญาวุโธ (ครูบาอ้วน) พระอุปัฏฐาก ไปด้วย แต่คราวนี้ท่านไม่ให้ทั้งหลวงพ่อสนอง ชินวังโส และพระอาจารย์ภานุพงค์ ปัญญาวุโธ (ครูบาอ้วน) พระอุปัฏฐาก ไปด้วย สำหรับการเดินทางเครื่องบินออกจาก จ.อุดรธานี หลวงพ่อคูณท่านได้กล่าวกับพระลูกศิษย์ที่ติดตามไปด้วย ทั้งที่กรุงเทพมหานคร และอยู่บนเครื่องบินว่า 

“เรามองกลับไปที่วัดป่าภูทอง เหมือนเห็นโลงศพตั้งอยู่ที่่วัด หรือมีงานศพ คนเต็มวัดเลย...”

ครั้นเมื่อท่านไปถึงหาดใหญ่ก็เข้าไปกราบ หลวงปู่มหาจิต จิตฺตวโร แห่งวัดภูเขาล้อม (วัดควนจง) ต.นาหม่อม อ.นาหม่อม จ.สงขลา หลวงปู่จิตก็ถามว่า จิตจ้าบ้อ (จิตสว่างรึเปล่า) หลวงพ่อคูณตอบว่า จ้าครับผม

ในเช้าวันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๖ หลวงพ่อคูณ และพระติดตาม ๒ รูป ได้เมตตาไปฉันเช้าที่บ้านลูกศิษย์ที่หาดใหญ่ มีญาติโยม ๑๐๐ กว่าคนมาถวายจังหัน หลวงพ่อคูณท่านพูดว่า “วันนี้คนหาดใหญ่จะได้บุญใหญ่ นอกจากสังฆทานแล้ว ยังได้ทัศนามัย บุญวันนี้เรามาโปรดลูกหลานทางนี้ให้ได้เชื้อธรรมไว้ เพราะที่่ใต้มีพระมาน้อย วันนี้ให้ทุกคนได้บุญใหญ่” จากนั้นหลวงพ่อคูณท่านยังเมตตาอบรมกรรมฐานให้อีกด้วย

ครั้นตอนบ่ายโมง หลวงพ่อคูณท่านเจ็บที่หัวใจ จึงให้พระลูกศิษย์นวดและกดที่ฝ่าเท้าถวาย ท่านว่าเกี่ยวกับหัวใจ ซักพักท่านก็ให้กดที่เส้นท้อง ปรากฏว่าลมตีขึ้น ท่านเรออย่างมาก ทั้งมีเศษอาหารออกมาด้วย ต่อมาตาท่านก็ค้าง พระลูกศิษย์พยายามปั้มหัวใจ ผายปอด ก็ไม่คืน จึงนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งทางโรงพยาบาลได้พยายามปั้มหัวใจถึง ๔๕ นาที ช็อตไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจอีกหลายครั้ง รวมถึงฉีดยากระตุ้นหัวใจอีกหลายเข็ม เมื่อไม่สามารถนำหลวงพ่อกลับคืนมาได้ จึงหยุดการรักษา แล้วนำหลวงพ่อคูณท่านกลับมาพักที่วัดเขารูปช้าง บ้านเขารูปช้าง ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา กระทั่งในที่สุดหลวงพ่อคูณจึงได้ละสังขารลงด้วยอาการสงบ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๖ เวลาประมาณ ๑๔.๓๐ น. ณ วัดเขารูปช้าง สิริอายุรวมได้ ๗๐ ปี ๔ เดือน ๑๒ วัน พรรษา ๔๗

หลังจากนั้นได้เคลื่อนสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ กลับมาทำพิธีทางศาสนายังวัดป่าภูทอง โดยรถยนต์ (รถตู้) จากหาดใหญ่ กระทั่งมาถึงวัดเมื่อเวลา ๑๔.๕๐ น. ของวันจันทร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ โดยมีรถหลวงพ่อเมือง พลวัฑโฒ มานำขบวนจาก จ.อุดรธานี จนกระทั่งถึงวัดป่าภูทอง ทั้งนี้ ได้มีครูบาอาจารย์และคณะศิษยานุศิษย์มารอรับสรีระสังขาร และร่วมพิธีสรงน้ำ-ขอขมาสรีระสังขารหลวงพ่อเป็นจำนวนมาก

๏ เกร็ดธรรมคำสอน 

พระธรรมคำสอนที่หลวงพ่อคูณ สุเมโธ ท่านเคยให้ไว้และพูดอยู่เสมอ คือ “ครูบาอาจารย์บ่อยู่ ก็บ่เป็นหยัง คำสอนของเพิ่นยังมีอยู่ ให้พากันปฏิบัติตามคำสอนของเพิ่น ก็เหมือนกันกับเพิ่นอยู่นำเฮานั่นหล่ะ” 

...........................................................

 

 

    1. หลวงปู่ขาว อนาลโย
      หลวงปู่ขาว อนาลโย
    2. หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
      หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    3. หลวงปู่สอ พันธุโล
      หลวงปู่สอ พันธุโล
    4. ป้ายชื่อ “วัดป่าภูทอง” ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
      ป้ายชื่อ “วัดป่าภูทอง” ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
    5. พิธีสรงน้ำและขอขมาสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ สุเมโธ
      พิธีสรงน้ำและขอขมาสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ สุเมโธ
ยืนยันคำสั่ง?
คุณต้องการดำเนินการต่อไปหรือไม่?
Message