• ท้าวมหาพรหมเอราวัณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง
    1. ท้าวมหาพรหมเอราวัณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง

พระพรหมตามความเชื่อแบบพราหมณ์ ถือเป็น 1 ใน 3 ของพระเป็นเจ้าที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ เรียกรวมกันว่า “ตรีมูรติ” ได้แก่ พระอิศวร (ศิวะ) พระพรหม และพระวิษณุ (นารายณ์) โดยพระพรหม เชื่อกันว่าเป็นพระผู้สร้างสรรค์สิ่งทั้งปวง ได้แก่ โลก สวรรค์ และมนุษย์ ในขณะที่พระวิษณุ เป็นผู้รักษาดูแล และพระอิศวร เป็นผู้ทำลาย 

พระพรหมยังถูกแบ่ง ประเภทออกเป็นรูปพรหม และอรูปพรหม พรหมที่เรียกว่ารูปพรหมมีถึง 16 ชั้นได้แก่ พรหมปาริชชาภูมิ พรหมปโรหิตาภูมิ มหาพรหมาภูมิ เป็นต้น ซึ่งพรหมทั้ง ๑๖ ชั้นนี้กล่าวกันว่าแต่ละองค์จะทรงประทับนิ่งไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใดเรียกว่านั่งเข้าฌาน ส่วนชั้นที่อยู่สูงขึ้นไปอีกเป็นชั้นของอรูปพรหมเป็นพรหมที่ไม่มีรูป มีแต่จิต มีทั้งหมด 8 ชั้น อาทิ อากาสายัญจายตน วิญญาณัญจายตน อากิญตจัญญายตน และเนวสัญญานายตน พรหมทั้งสี่ชั้นนี้จัดเป็นพลังงานชั้นสูงที่มีความบริสุทธิ์อย่างยิ่ง อำนาจแห่งองค์พรหม จัดเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่จนหลายคนกล่าวว่าชีวิตนั้นคือ “พรหมลิขิต” ดังนี้ทำให้คนหลายคนที่เชื่อว่าดวงชะตาความเป็นอยู่ของตัวเรานั้นมีความเกี่ยวเนื่องอยู่กับองค์พระพรหม

ถ้ากล่าวถึง "ศาลท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ" เชื่อว่าหลายท่านคงรู้จักเป็นอย่างดี ไม่เพียงเทวสถานแห่งนี้จะตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ใกล้โรงแรมเอราวัณที่ใหญ่โตโอ่อ่าแล้ว ยังเป็นที่เคารพสักการะทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ลงทุนข้ามแผ่นฟ้ามหาสมุทรมาแสดงความศรัทธาต่อ ท่านท้าวมหาพรหม ณ ที่แห่งนี้ ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาสักการะท่านท้าวมหาพรหมนับวันจะมีมากขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะความศรัทธาในบารมี ของท่านที่แผ่เมตตา ปกปักคุ้มครองให้ร่มเย็นเป็นสุข และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจของผู้คนทั้งหลาย เมื่อยามที่ได้กราบไหว้บูชาแล้วทำให้รู้สึกสบายใจ ร่มเย็นเป็นสุข

สำหรับท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ นั้น ถูกอันเชิญมาประดิษฐสถาน ณ ศาลท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2499 และได้ถือเอาวันดังกล่าวเป็นวันบวงสรวงในทุกปี โดยการทำพิธีบวงสรวงจะมีพราหมณ์หลวงเป็นผู้ประกอบพิธีให้ บริษัทสหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว จำกัด เจ้าของโรงแรมเอราวัณ เนื่องจากพลเรือตรีหลวงสุวิชาญแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ ได้ท้วงติงทางโรงแรมว่าการวางศิลาฤกษ์ของโรงแรมทำไว้ไม่ถูกต้อง ต้องแก้ไขด้วยการสร้างศาลท้าวมหาพรหมและศาลพระภูมิขึ้นมาไว้ในบริเวณโรงแรม ทำให้ทีมบริหารของโรงแรมตัดสินใจก่อสร้างศาลท้าวมหาพรหมขึ้นมาดังกล่าว พระพรหมที่ประดิษฐานไว้บริเวณ “ศาลท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ” มีลักษณะกายสีแดง สี่พักตร์ แปดกร ในแต่ละกรทรงอาวุธที่แตกต่างกันออกไป อาทิ แว่นแก้ว คฑา จักร สายประคำ ธารพระกรไม้เท้า ช้อน หม้อน้ำ คัมภีร์พระเวท ทรงหงส์เป็นพาหนะ และมีพระสุรัสวดีหรือพระสรัสวดีเป็นพระมเหสี ที่สถิตของพระพรหมเรียกกันว่า "พรหมพฤนทา" อยู่ในพรหมโลก ว่ากันว่าอยู่เหนือชั้นสวรรค์ขึ้นไปอีก โดยองค์พระพรหมได้รับการออกแบบ และการปั้นตามแบบแผนของกรมศิลปากรจาก นายจิตร พิมพ์โกวิท ช่างกองหัตถศิลป์ ส่วนผู้ที่ออกแบบศาลคือ นายเจือระวี ชมเสวี และ หม่อมหลวงปุ่ม มาลากุล

ในช่วงแรกที่มีการตั้งศาลท่านท้าวมหาพรหมนั้น มีประชาชนมากราบไหว้สักการะไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้บริหาร เจ้าหน้าที่และแขกของโรงแรม แต่เมื่อมีคนมากราบไหว้สักการะขอพรจากองค์ท้าวมหาพรหมแล้วได้พรดังสมปรารถนา ทำให้คนที่ทราบข่าวคราวถึงความศักดิ์สิทธิ์ขององค์ท้าวมหาพรหม ก็แห่กันมากราบไหว้สักการะพร้อมกับมีการแก้บนกันด้วย ด้วยเหตุนี้เองทำให้ศาลท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ เป็นที่รู้จักทั้งของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีการแวะเวียนมากราบไหว้กันอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย พร้อมทั้งถวายเครื่องสักการะบูชา เครื่องเซ่นเครื่องสังเวย พวงมาลัย ดอกไม้ ธูปเทียน ช้าง ม้า ผ้าแพรพรรณ ละคร ระบำ รำฟ้อน ฯลฯ ตามแต่คนๆนั้นจะอธิฐานหรือบนบานศาลกล่าวสิ่งใดไว้ โดยส่วนใหญ่เมื่อใครได้พรสมดังปรารถนาแล้วก็จะมาทำการแก้บนที่ศาลทุกครั้ง

ยืนยันคำสั่ง?
คุณต้องการดำเนินการต่อไปหรือไม่?
Message